เฟสเขียว

เฟสเขียว

เฟสเขียว ผู้ใช้ Facebook หลายท่านที่มีเพจเป็นของตนเอง หรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มีมีเพจร้านขายของ ใน Facebook บางทีก็อาจจะมองเห็นแท็บ ประสิทธิภาพของเพจ (Page Quality) ที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าเพจของพวกเรา และก็อาจมีปัญหาว่าประสิทธิภาพของเพจเป็นยังไง มีไว้เพื่ออะไร และก็มีการวัดอย่างไร วันนี้ Shoplus เลยเก็บทุกหลักสำคัญที่คุณควรจะทราบเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเพจ สำหรับเพจร้านของคุณ มาให้ได้มองกัน!

Page Quality เป็นอย่างไร?

ประสิทธิภาพของเพจหรือ Page Quality เป็นฟีพบร์ที่ Facebook ได้ผลิตขึ้นเพื่อตรวจเช็คประสิทธิภาพของรายละเอียดและก็การจัดการเพจของผู้ใช้ Facebook โดยใช้ Community Standard เป็นกฏเกณฑ์สำหรับการตรวจเช็คประสิทธิภาพ โดยถ้าหากว่าผู้ใช้ Facebook มีการทำผิดกฏของ Facebook ก็จะได้รับการแจ้งเตือนว่าประสิทธิภาพของเพจของคุณน้อยลง ไปจนกระทั่งขั้นเพจลอยละล่อง ได้เลยจ๊า!

แล้ว Page Quality มีไว้เพื่ออะไร?

มูลเหตุที่ Facebook ได้ทำฟีพบร์ประสิทธิภาพของเพจขึ้นมา ก็เพื่อเป็นการควบคุมรายละเอียดแล้วก็ความประพฤติของผู้ใช้ Facebook ให้เป็นไปด้วยความเหมาะสม รวมทั้งยังเป็นเสมือนสิ่งกระตุ้นให้ผู้ดูแลเพจรอผลิตรายละเอียดแล้วก็จัดแจงเพจของคุณให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นไป เพื่อความน่านับถือของทางเพจเองอีกด้วย

“SEO” เป็นอย่างไร มีแนวทางการเริ่มทำ SEO เช่นไรSEO เป็นอย่างไร หลายท่านที่เขียนเนื้อหาบทความลงเว็บหรือเขียนบล็อกก็น่าจะรู้จักดีกับ SEO หรือ Search Engine Optimization แล้ว SEO มีคุณประโยชน์ยังไง และก็มีกระบวนการเริ่มทำ SEO เช่นไร วันนี้พวกเรามาดูเนื้อหาไปพร้อมเพียงกันเลย

เฟสเขียว SEO เป็นอย่างไร ใช้ทำอะไร แล้วก็เหมาะสมกับผู้ที่ดำเนินงานสายไหน

SEO เป็นยังไง ?

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization ซึ่งแปลเป็นไทแก่ตัวยก็จะได้เรื่องว่า “การเพิ่มสมรรถนะการค้นหา” เป็นการทำให้เว็บของพวกเรามีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆจากการค้นหาผ่านเว็บไซต์ Search Engine โดย Search Engine จะมี AI รอตรวจคำค้นหาเพื่อตรงกับเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความจำเป็นค้นหา

แนวทางการทำ SEO บนเว็บของพวกเรา สิ่งที่จะต้องทำก็คือปรับปรุงส่วนประกอบต่างๆเป็นต้นว่า การใช้คำ เพื่อเข้ามาตรฐานตรึกตรองของ Search Engine รวมทั้งติดอันดับต้นๆ

กระบวนการทำ SEO มีสาระเช่นไร

พวกเราบางครั้งก็อาจจะเคยสงสัยว่า Search Engine ต่างๆที่พวกเราใช้กันอยู่เกือบจะทุกวี่วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Google เขาเรียงลำดับเว็บเช่นไร เพราะอะไรบางเว็บไซต์ถึงติดประชาสัมพันธ์บนผลสรุปการค้นหาได้

ซึ่งนี้ล่ะ เป็นกลอุบายกระบวนการทำ SEO เพื่อเว็บของพวกเราติดอันดับต้นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งติดหน้าแรกบนผลการค้นหา เพื่อผู้เข้าชมเว็บได้เข้าถึงเว็บของพวกเราได้มากขึ้น แล้วก็มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

SEO Marketing สําคัญเช่นไร

Marketing หมายความว่าการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการทำการตลาดออนไลน์ก็สามารถนำ SEO มาปรับใช้เพื่อลูกค้าเข้าถึงเว็บของพวกเราได้มากขึ้น เฟสเขียว การที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บของพวกเราได้มากขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มความน่าวางใจ ช่วยทำให้เว็บของพวกเรามีตัวตนมากยิ่งขึ้น

ความต่างระหว่าง SEO กับ SEM ?

ก่อนที่จะรู้จักไม่เหมือนกันของทั้งยัง 2 ตัวนี้ พวกเรามารู้จะกับ SEM อย่างคร่าวๆก่อน

SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing แบบอย่าง SEM ที่เห็นได้ชัดเป็น Google Ads ขึ้นชื่อว่า Ads ก็คือการซื้อพื้นที่เพื่อโปรโมท แถมยังจำต้องทำ banner เพื่อยั่วยวนใจให้ลูกค้าเข้าชมเว็บของพวกเรา ซึ่งบางทีก็อาจจะเสียเงินเสียทองค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าวางแบบ banner แต่ว่าก็เป็นอีกแนวทางที่จะสามารถช่วยให้เว็บของพวกเราติดหน้าแรกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

ต่างกับ SEO ที่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องประชาสัมพันธ์ใดๆก็ตามแม้กระนั้นจะใช้เวลาออกจะนานเพื่อให้ Search Engine นั้นมองเห็นเว็บของพวกเราแล้วก็พิเคราะห์เพื่อติดอันดับให้ แม้กระนั้นแม้กระนั้น อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต่นว่ากระบวนการทำ SEO นั้นไม่มีความจำเป็นที่ต้องลงทุนอะไรก็แล้วแต่ก็เลยทำให้ SEO ออกจะที่จะจีรังยั่งยืนกว่า

SEO จำเป็นต้องไหม ควรจะเริ่มทำตอนไหนดี

ทราบไหม ? มีสถิติพูดว่าชาวไทยเสิร์ช Google สูงถึง 3 ล้านครั้งต่อวัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่า SEO นั้นขาดไม่ได้สำหรับเพื่อการทำการตลาดออนไลน์ในปี 2022 นี้ แล้วก็ SEO นี้ยังมีความหมายมากยิ่งกว่า Social Media อีก

เพราะว่าบนเครือข่ายสังคม พวกเราบางทีก็อาจจะเคยได้เห็นร้านค้าออนไลน์มามากมาย แต่ว่าก็มีหลายร้านค้าที่มิได้ประสิทธิภาพ นี้ล่ะที่ทำให้ SEO มีหน้าที่ เพราะเหตุว่าเมื่อลูกค้ายังไม่มั่นใจว่าจะเช็กเครดิตหรือความน่าไว้ใจอย่างไร ก็จะมาเสิร์ชบน Google ซ้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ทั้งการที่เว็บติดอันดับต้นๆก็สามารถที่จะช่วยให้มีความน่าวางใจเพิ่มมากขึ้น

แล้วควรจะเริ่มทำ SEO ตอนไหน คำตอบก็คือ “ในทันที” ที่พวกเรามีเว็บ ด้วยเหตุว่าข้อมูลบนโลกอินเตอร์เน็ตเคลื่อนอยู่เสมอ 24/7 ไหมมีวันหยุดแม้กระทั้งวินาทีเดียว การเริ่มทำ SEO ให้ได้เร็วที่สุด ก็จะช่วยเพิ่มจังหวะให้ธุรกิจปกระสบการบรรลุผลได้ไวขึ้น

ลักษณะการทำงานของ SEO มีกี่ขั้นตอน

แนวทางการทำ SEO มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  • – Crawling เป็นขั้นตอนการที่ Google จะส่ง Google bot หรือ spider, Web Crawl ไปเก็บข้อมูลหรือ data ที่มีอยู่บนเว็บทั้งโลก เพื่อมาพินิจพิจารณาว่าเว็บทำเกี่ยวกับอะไร แล้วก็มีรายละเอียดที่จะเชื่อมโยงกับ keyword อะไร
  • – Indexing ภายหลังจากกระบวนการทำ Crawling เพื่อได้ data มาจนกระทั่งทราบดีว่าแต่ละเว็บทำเกี่ยวกับอะไร และก็เชื่อมโยงกับ keyword ใดบ้าง ก็จะถูกเอามารวมกันเป็นฐานข้อมูลหรือเรียกว่า indexing ผ่าน algorithm ของ Google
  • – Serving Ranking ภายหลังที่ indexing ได้เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งยัง data keyword และก็เว็บแล้ว ขั้นตอนการต่อมาก็คือ Serving & Ranking พินิจพิจารณาว่าข้อมูลใดหรือ keyword ใดจะถูกประยุกต์ใช้งานกับเว็บใด ตอนไหน ฯลฯ

ภายหลังที่เริ่มการค้นหา Google ก็จะนำ Keyword มาเชื่อมโยงกับเว็บที่ถูกเก็บข้อมูลไว้มา list ลงบนคำตอบการค้นหา เฟสเขียว โดยมี Search Engine Algorithm มาช่วยจัดอันดับผลของการค้นหาเว็บ ซึ่งควรมี keyword ที่ตรงกับเว็บที่เกี่ยวเนื่องเยอะที่สุดด้วย

แนวทางการเริ่มทำ SEO marketing

กระบวนการทำ SEO อย่างมีคุณภาพ มีอยู่ 7 แนวทาง ดังต่อไปนี้

1. วางแผนการตั้งเป้าหมาย

ก่อนที่จะเริ่มลงมือกระทำอะไรสักอย่าง สิ่งจำเป็นที่สุดเป็นลำดับแรกๆเป็นการกำหนดจุดมุ่งหมาย เนื่องจากว่าการกำหนดวัตถุประสงค์เป็นการกำหนดเป้าหมาย เพื่อที่จะได้ให้พวกเราใช้เวลาการเดินทางสั้นที่สุด ถ้าหากไม่ระบุเป้าหมาย ก็เช่นเดียวกับพวกเรากำลังหลงทางและก็ใช้เวลาสำหรับเพื่อการเดินทางเยอะเกินไป

สิ่งแรกที่ต้องกำหนดสำหรับเพื่อการทำ SEO เป็นต้องการที่จะให้ธุรกิจของพวกเราได้อะไรจากกระบวนการทำ SEO อย่างเช่น Awareness, Leads, Traffic, Conversion และก็ระบุ keyword ที่จะแข่งขันกับเว็บคู่แข่งขันทั้งยังทางตรงรวมทั้งทางอ้อม อาทิเช่น ถ้าเว็บของพวกเราทำเกี่ยวกับหนังสือ ก็ควรที่จะใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับหนังสือ เป็นต้นว่า หนังสือขายดิบขายดี, best seller book ฯลฯ หรือทางอ้อม ดังเช่นว่า นิยาย วรรณกรรม ฯลฯ

2. Research Keyword วางองค์ประกอบเว็บ

ภายหลังจากตั้งเป้าหมายแล้ว ถัดมาก็คือวางองค์ประกอบเว็บด้วยการกำหนด keyword เพื่อทำ SEO แล้วจะใช้ keyword อะไร แบบไหนดี สิ่งที่จะต้องทำยังไม่ครบกำหนด keyword ก็คือ research หรือศึกษาเล่าเรียนก่อนว่าลูกค้าชอบค้นหาด้วยคำว่าอะไรที่ใกล้เคียงกับ keyword ที่พวกเราจะกำหนดขึ้นมา รวมถึงมอง search volume ว่าคำไหนใช้หลายครั้ง เพื่อเพิ่มจังหวะให้เว็บของพวกเราติดอันดับได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

การ Research keyword สามารถใช้วัสดุต่างๆเพื่อช่วยทำให้พวกเราค้นหา keyword ได้ถูกต้องแม่นยำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีทั้งยังฟรีรวมทั้งเสียตังค์ เครื่องไม้เครื่องมือที่ดังก็จะมี Ubersuggest, Ahrefs, Google Keyword Planner ฯลฯ

3. สร้างเว็บ

การผลิตเว็บในที่นี้ไม่ใช่การผลิตแบบตามใจฉัน แต่ว่าเป็นการสร้างเว็บโดยเข้าข้อตกลงของ SEO ตั้งแต่ต้น โดยเริ่มจากการเช่า Hosting และก็เขียน domain โดยจำเป็นต้องตั้งชื่อให้สะกดง่ายและก็เป็นสากล เพื่อไม่ยุ่งยากต่อการจัดลำดับของ Search Engine Algorithm

และก็อีกสาเหตุที่สำคัญของการเขียนเว็บเป็นจำเป็นต้องทำ HTTPS (https://…) มี s เพื่อชี้ว่าเว็บไซต์แห่งนี้ไม่มีอันตราย เพราะเหตุว่า Google ย้ำเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ถ้าหากเว็บปราศจากความไม่เป็นอันตรายก็จะไม่เข้ามาตรฐาน SEO

ผู้ให้บริการ Hosting ที่เสนอแนะเป็น Hostaom เป็นผู้ให้บริการ hosting ในไทยที่มีความปลอดภัยรวมทั้งความน่าไว้ใจสูง

4. เขียน Content SEO

ส่วนสำคัญของเว็บก็คือคอนเทนต์หรือรายละเอียดต่างๆที่อยู่บนเว็บ การผลิตคอนเทนต์ที่ดีต้องมี keyword ที่อยาก เพื่อเว็บติดอันดับการค้นหาใน keyword นั้นๆ

นอกนั้นคอนเทนต์ที่ดีควรต้องยั่วยวนใจคนอ่าน ดังเช่นว่า มีสาระ น่าติดตาม อ่านง่าย จะช่วยทำให้ลูกค้าเข้าถึงเว็บของพวกเราได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น เฟสเขียว ด้วยเหตุว่าการเขียน content SEO มีเรื่องมีราวของ Search Intent เข้ามาด้วย ซึ่งก็คือสิ่งที่ลูกค้าปรารถนาหรือเจตนาสำหรับในการค้นหา ในตอนนี้ความประพฤติปฏิบัติของผู้ใช้งานจะเริ่มค้นหาความต้องการเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่น แนวทางซ่อมแซมโทรทัศน์ เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่อย่างไร เริ่มลงทุนยังไง ฯลฯ

ด้วยเหตุฉะนี้ก็เลยทำให้ผู้ครอบครองเว็บจะต้องสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับ Search Intent ให้เยอะขึ้น

5. ปรับแก้ On-Page SEO

ถัดมาเป็นการปรับแก้เว็บให้เข้ามาตรฐาน SEO ของ Google มากเพิ่มขึ้นด้วยวิธีการทำ On-Page SEO หรือ On-Site SEO เป็นการปรับแก้หน้าเว็บเพื่อเพิ่มจังหวะให้เว็บติดหน้าแรกของ Google

On-Page SEO ที่ดีจำเป็นต้องเข้าถึงผู้ใช้งานง่ายหรือเข้าใจง่ายว่าคอนเทนต์บนเว็บนั้นเกี่ยวกับอะไร เพื่อดึงให้ลูกค้าใช้เวลาอยู่บนเว็บนานขึ้น ซึ่งแนวทางการปรับแก้ On-Page SEO มีดังนี้

  • – ใส่ keyword ที่เกี่ยวพันกับเว็บหรือผลิตภัณฑ์ใน 100 คำแรก หรือใส่ลงบนหัวข้อ (Heading) ต่างๆ
  • – ปรับปรุงแก้ไข Title Tags, Meta Description ด้วยการใส่ keyword ของเว็บ เพื่อ Search Engine Algorithm ช่วยจัดลำดับเว็บก้าวหน้าขึ้น
  • – ทำ internal link ไปยังหน้าเพจอื่นๆเพื่อลูกค้าอยู่บนเว็บของพวกเราได้นานขึ้น
  • – ย่อขนาดไฟล์ต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปภาพรวมทั้งวิดิโอ เพื่อหน้าเว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้น
  • – ใส่ HTML Tags (H1 H2 H3) เพื่อเรียงจุดสำคัญของรายละเอียด
  • – พัฒนาเว็บไซต์ให้เข้าถึงได้ทุกแพลตฟอร์ม อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ซึ่งนี้จะส่งผลต่อการไตร่ตรองจัดลำดับจาก Google ด้วย

6. Link Building

Link Building เป็นแนวทางการทำให้เว็บอื่นๆลิงค์กลับมาเว็บของพวกเรา เรียกอีกอย่างว่า Off-Page SEO มีจุดเด่นก็คือเพิ่มความน่าวางใจ เนื่องจากเว็บของพวกเรานั้นสามาเกลื่อนกลาดเป็นแหล่งอ้างอิงให้กับเว็บอื่นได้

แนวทางนี้เรียกอีกอย่างว่า Backlink นอกเหนือจากที่จะได้รับความน่าไว้ใจแล้ว ยังส่งผลต่อการจัดชั้นการค้นหาด้วย ด้วยเหตุว่าเว็บที่ได้ Backlink เยอะแยะ Algorithm ของ Google ก็จะเห็นว่าเป็นเว็บที่มีคุณภาพ ก็เลยได้รับการจัดชั้นให้อยู่หน้าแรก

7. Measurement (ประเมินผล) Optimization (แก้ไขปรับปรุงแก้ไข)

สิ่งท้ายที่สุดที่ห้ามลืมเด็ดขาดเป็นการประเมินผลรวมทั้งแก้ไขปรับปรุงแก้ไข เฟสเขียว การประเมินผลเป็นการดูผลภายหลังที่ได้ทำ SEO ไปแล้วว่ามีคุณภาพแค่ไหน ดูหนังออนไลน์ 2022 ฟรี มีจุดบกพร่องที่ไหน และก็รีบปรับปรุงแก้ไขเพื่อกระบวนการทำ SEO เป็นไปตามจุดหมายได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

การตำหนิดตามประเมินผล SEO มีแนวทางกล้วยๆเป็น มองผ่าน Google Analytics, Google Search Console รวมทั้ง Google Data Studio ซึ่งผู้ใช้งานมือใหม่ควรจะมองส่วนประกอบ ดังต่อไปนี้

  • – Ranking : ชั้นเว็บที่แสดงผลลัพธ์จากการค้นหาด้วย keyword ต่างๆพวกเราสามารถติดตามชั้นเว็บด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ชื่อว่า Proranktracker
  • – Impressions : เว็บที่ผู้ใช้งานมองเห็น ไม่ว่าจะอยู่ชั้นไหนก็ตาม จะได้ 1 impression ซึ่งเว็บที่มียอด impression มากก็แสดงว่าเป็นเว็บที่มีผู้ใช้งานมองเห็นมากมาย
  • – Click : ปริมาณคลิกที่ผู้ใช้งานเว็บกดเข้ามาในเว็บของพวกเราผ่านการค้นหาด้วย Google
  • – Traffic : ปริมาณผู้เข้าชมและก็ใช้เวลาบนเว็บ วิธีการทำ SEO จะช่วยเพิ่ม Organic Traffic หรือได้ Traffic ฟรี ไม่เสียเงินเสียทองอะไร